เขียนโดย Super User

         วันที่ 10 ก.ย.62 สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) โดยนายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ ร่วมงานแถลงข่าวกิจกรรม “หยุดซิ่ง…มาวิ่งกันเถอะ (Run for Road Traffic Victims จัดโดย กลุ่มผู้เสียหายทางถนน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค มูลนิธิเมาไม่ขับ สสส. จับมือเครือข่ายความปลอดภัยทางถนน ) โดยมี นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. นายสุรสิทธิ์ ศิลปงาม ผู้จัดการมูลนิธิเมาไม่ขับ ร่วมแถลงข่าว ณ อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส.
         นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า กิจกรรม หยุดซิ่ง...มาวิ่งกันเถอะ เกิดขึ้นเพราะผู้เสียหายจากอุบัติเหตุทางถนนที่มีความรุนแรงติดอันดับโลก โดยในแต่ละปีประเทศมีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนมากกว่า 2 หมื่นคน และอีก 4 หมื่นคนต้องเป็นผู้พิการรายใหม่ ทุกๆปีมีผู้ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุกว่า 2 แสนคน ทั้งครอบครัวของผู้เสียชีวิตและผู้พิการ และผู้เสียหายเหล่านี้ ต้องผจญกับการต่อสู้คดี ช่วยตัวเอง แนวโน้มความรุนแรงลดลงน้อยมาก ทุกคนมีโอกาสเป็นเหยื่อ ปัญหาความปลอดภัยบนท้องถนนที่แก้ไขอย่างช้าๆ ทุกคนมีโอกาสเป็นเหยื่อ เป็นเรื่องที่ผู้บริโภค ประชาชนต้องมาช่วยกันทำงาน ทำให้การเยียวยาความเสียหายรวดเร็วขึ้น และหาทางเร่งรัดให้มีบริการขนส่งมวลชนที่มีคุณภาพรถและความปลอดภัยมากขึ้น เพื่อลดและหยุดเหยื่อรายใหม่ และร่วมกันผลักดันจัดตั้งกองทุนผู้เสียหายจากอุบัติเหตุทางถนนเพื่อให้ผู้เสียหายเป็นคนทำงานเรื่องโดยตรงนี้มากขึ้น
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า สสส.และภาคีเครือข่ายมีเป้าหมายร่วมกันในการลดอุบัติเหตุ ลดอัตราการบาดเจ็บและเสียชีวิตบนท้องถนน สนับสนุนการมีระบบขนส่งสาธารณะที่มีคุณภาพ พร้อมกระตุ้นให้ทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญของความปลอดภัยทางถนน และอีกบทบาทหนึ่งที่ สสส. ให้ความสำคัญไม่แพ้กันคือการส่งเสริมให้คนไทยมีกิจกรรมทางกายที่เพียงพอ เช่น การเดิน-วิ่ง ปัจจุบันกระแสการวิ่งยังคงได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง พิจารณาได้จากงานวิ่งเพื่อสุขภาพที่ถูกจัดขึ้นไม่ต่ำกว่า 19 งานต่อสัปดาห์ มีผู้เข้าร่วมกิจกรรมวิ่งเพิ่มขึ้นกว่า 5 ล้านคน ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบันมีนักวิ่งในประเทศไทยกว่า 16 ล้านคน ในปี 2561 หวังว่างานนี้จะช่วยทำให้ทุกคนทุกฝ่ายเห็นความสำคัญของการใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย จะได้ไม่ต้องมีเหยื่อหรือผู้สูญเสียรายต่อไปอีก ซึ่งมิใช่จะมีแค่ผู้พิการหรือเสียชีวิตเท่านั้น แต่ยังมีผู้ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุที่เกิด อาทิ ครอบครัวที่ต้องทนต่อความสูญเสีย
นายสุรสิทธิ์ ศิลปงาม ผู้จัดการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติได้งประกาศให้วันอาทิตย์ที่ 3 ของเดือนพฤศจิกายน เป็นวัน "รำลึกผู้สูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน" (World Day of Remembrance for Road Traffic Victims) ซึ่งมูลนิธิเมาไม่ขับได้จัดกิจกรรมเพื่อรำลึกถึงผู้สูญเสียมาโดยตลอดร่วมกับเครือข่ายต่างๆ และในปีนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน จึงกำหนดให้กิจกรรมวิ่งมีขึ้นในวันดังกล่าว เพื่อเป็นการรำลึกถึงผู้สูญเสียและหยุดผู้สูญเสียรายใหม่จากอุบัติเหตุทางถนน
สำหรับกิจกรรม หยุดซิ่ง...มาวิ่งกันเถอะ “Run for Road Traffic Victims” แบ่งการวิ่งออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ เดิน-วิ่งระยะสั้น Fun Run 5 กิโลเมตร และวิ่งมินิมาราธอน 10 กิโลเมตร จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน 2562 เวลา 04.00 – 10.00 น. ณ สวนสาธารณะและสวนพฤกษชาติศรีนครเขื่อนขันธ์ (สวนบางกระเจ้า) อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ผู้สนใจสามารถซื้อบัตรเข้าร่วมกิจกรรมได้ในราคา 500 บาท ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทางเว็บไซต์ https://rtv.regist.co และ FB: safethaibus หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทรศัพท์ 089-7649153 / 098-0027388

   

    

   

     

 

0
0
0
s2smodern
เขียนโดย Super User

       วันนี้ (25 ก.ย. 62) ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กทม. - ในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกร่วมกันระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับกรมการขนส่งทางบก โดยมีพล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ นางจันทิรา บุรุษพัฒน์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เป็นผู้แทนลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือร่วมกัน มีภาคีเครือข่ายร่วมเป็นสักขีพยานได้แก่ ผู้แทนสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ ผู้แทนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้แทนกรมการขนส่งทางบกฯ
พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ด้วย พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ม.141/1 แก้ไขเพิ่มเติมโดย คำสั่ง หัวหน้า คสช.ที่ 14/2560 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อ 16 มี.ค. 60 กำหนดให้นายทะเบียนกรมการขนส่งทางบกมีอำนาจรับชำระค่าปรับที่ค้างชำระตามใบสั่งแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ในกรณีดังกล่าวยังไม่สามารถดำเนินการให้เป็นรูปธรรมได้ เนื่องจากระบบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ของทั้งสองหน่วยงานยังไม่เชื่อมโยงกัน ต่อมา พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ม.4/1 แก้ไขเพิ่มเติมโดย (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2562 ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 ก.ย. 62 กำหนดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมการขนส่งทางบก เชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ร่วมกัน ซึ่งบัดนี้ทั้งสองหน่วยงานได้ทำการเชื่อมโยงข้อมูลกันเรียบร้อยแล้ว
     จากกรณีดังกล่าว ถึงแม้ว่ากฎหมายจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 ก.ย. 62 แต่เนื่องจากทั้งสองหน่วยงานจะต้องกำหนดหลักเกณฑ์ ขั้นตอนและวิธีการต่างๆ ร่วมกันให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับแต่วัน พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ (กฎหมายใช้บังคับวันที่ 20 ก.ย. 62 ภายใน 90 วันนับแต่วันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ คือ วันที่ 19 ธ.ค. 62) ดังนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมการขนส่งทางบก จึงกำหนดให้วันที่ 19 ธ.ค. 62 เป็นวันแรกที่กรมการขนส่งทางบก จะรับชำระค่าปรับตามใบสั่งที่ค้างชำระแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถสามารถชำระค่าปรับดังกล่าวพร้อมกับการชำระภาษีประจำปี ได้ที่สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ หากยังไม่พร้อมชำระค่าปรับที่ค้างชำระตามใบสั่ง กรมการขนส่งทางบกจะออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีฉบับชั่วคราวให้ซึ่งจะใช้ได้เพียง 30 วัน และผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถสามารถไปชำระค่าปรับได้ที่สถานีตำรวจทุกแห่งทั่วประเทศ หรือช่องทางอื่น เช่น ไปรษณีย์ทุกแห่ง เคาน์เตอร์บริการของธนาคารกรุงไทย ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย แอปพลิเคชันกรุงไทย NEXT และหน่วยบริการรับชำระเงินที่มีสัญลักษณ์ PTM (เช่น กลุ่ม CenPay และตู้บุญเติม) ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายทะเบียน แต่หากผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถเห็นว่าตนไม่ได้กระทำความผิดตามที่ระบุไว้ในใบสั่งให้ทำหนังสือโต้แย้งข้อกล่าวหานั้นภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายทะเบียนขนส่ง โดยให้ส่งหนังสือโต้แย้งข้อกล่าวหาดังกล่าวทางไปรษณีย์ตอบรับไปยังสถานีตำรวจตามที่ระบุไว้ในใบสั่ง ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังพัฒนาระบบให้ประชาชนผู้รับใบสั่งสามารถโต้แย้งข้อกล่าวหาทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้อีกช่องทางหนึ่ง ทั้งนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดทำเว็บไซต์ใบสั่งจราจรออนไลน์สำหรับประชาชน คือ https://ptm.police.go.th/eTicket/#/ หรือเรียกชื่อย่อว่า e-Ticket เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาข้อมูล และตรวจสอบใบสั่งจราจร จำนวนค่าปรับและช่องทางการชำระค่าปรับ นอกจากนี้ยังได้พัฒนาระบบวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น Web service และ Application
      จากมาตรการดังกล่าวข้างต้นจึงมีความจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้แก่ประชาชน รวมถึงทั้งสองหน่วยงานต้องร่วมกันพิจารณากำหนดระเบียบ หลักเกณฑ์ และแนวทางปฏิบัติให้มีความชัดเจนและไม่เป็นการเพิ่มภาระแก่ประชาชนในการชำระค่าปรับและการชำระภาษีประจำปี ดังนั้น จึงขยายระยะเวลาในการประชาสัมพันธ์มาตรการดังกล่าว ออกไปจนถึงวันสุดท้ายที่กฎหมายกำหนดให้ออกอนุบัญญัติภายใน 90 วัน คือ วันที่ 19 ธ.ค. 62
นางจันทิรา บุรุษพัฒน์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบก ได้ให้ความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพัฒนาระบบของกรมการขนส่งทางบกเพื่อรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์แบบออนไลน์ และได้ทำการทดสอบการเชื่อมโยงระบบบริหารจัดการใบสั่งจราจร (PTM) ในระบบปฏิบัติงานของกรมการขนส่งทางบก
     ซึ่งกรมการขนส่งทางบกยังคงอำนวยความสะดวกในการชำระภาษีรถประจำปีทุกกรณีเช่นเดิม กรณีผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถที่มิได้กระทำผิดและไม่มีใบสั่งตามกฎหมายจราจร หรือมีใบสั่งแต่ได้ชำระค่าปรับเรียบร้อยแล้ว ยังคงสามารถชำระภาษีรถประจำปีพร้อมรับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ป้ายวงกลม) ได้ที่สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศและทุกช่องทางตามปกติเช่นเดิม โดยจะไม่ส่งผลกระทบกับประชาชนผู้ใช้รถทั่วไป สามารถดำเนินการชำระภาษีรถประจำปีได้ตามปกติ
ส่วนกรณีที่มีใบสั่งแต่ยังไม่ได้ชำระค่าปรับเมื่อถึงคราวชำระภาษีรถประจำปีมีความประสงค์จะชำระค่าปรับในคราวเดียวกัน สามารถชำระค่าปรับพร้อมชำระภาษีรถประจำปีได้ในคราวเดียวกันได้ โดยกรมการขนส่งทางบกจะดำเนินการบันทึกข้อมูลการชำระค่าปรับในระบบซึ่งเชื่อมโยงกับระบบบริหารจัดการใบสั่งจราจร ทำให้มีผลเช่นเดียวกันกับการชำระค่าปรับกับพนักงานสอบสวน ผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถจะได้รับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ป้ายวงกลม) ตามปกติ
  ทั้งนี้ หากผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถคันที่มีใบสั่งตามกฎหมายจราจร แต่ยังไม่พร้อมชำระค่าปรับในคราวเดียวกัน กรมการขนส่งทางบกก็ยังคงอำนวยความสะดวกให้สามารถชำระภาษีรถประจำปีได้ แต่จะได้รับหลักฐานแสดงการเสียภาษีประจำปีชั่วคราว ซึ่งมีอายุ 30 วันนับแต่วันที่นายทะเบียนออกให้เท่านั้น หากชำระค่าปรับเรียบร้อยแล้วสามารถนำหลักฐานใบเสร็จการชำระค่าปรับมาแสดง เพื่อรับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ป้ายวงกลม) ฉบับจริงได้ในภายหลัง อย่างไรก็ตาม กรณีที่ชำระภาษีประจำปีแล้ว แต่ไม่ชำระค่าปรับที่ค้างชำระให้ครบถ้วนภายในระยะเวลาตามที่กำหนด เป็นอำนาจของเจ้าพนักงานจราจรตำแหน่งตั้งแต่สารวัตรขึ้นไปมีหนังสือแจ้งนายทะเบียน กรมการขนส่งทางบก ให้งดออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปีสำหรับรถคันนั้น และดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนต่อไป

     

   

  

0
0
0
s2smodern
เขียนโดย Super User

      สคอ. สสส.รวมพลังเครือข่ายหนุนสร้างมาตรการองค์กรลดอุบัติเหตุทางถนน เมื่อวันที่ 16 ต.ค.62 ที่ รร.เอเชีย แอร์พอร์ต จ.ปทุมธานี – สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ) สำนักงานกองทุนสนับสนับการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย สมาคมสื่อช่อสะอาด สมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด และสมาคมเครือข่ายหมออนามัยวิชาการ จัดประชุมขับเคลื่อนประชาสัมพันธ์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ครั้งที่ 1 ภาคกลาง ระหว่างวันที่ 16-17 ตุลาคม 2562 เพื่อสร้างความร่วมมือด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ร่วมวิเคราะห์ ค้นหาปัญหาและแนวทางนำเสนอร่วมผลักดันนโยบายสาธารณะ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากนโยบายสู่การปฏิบัติและเห็นผลจริง ซึ่งมีแกนนำผู้บริหารทั้งสื่อมวลชนและเครือข่ายร่วมประชุม ได้แก่ นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ นายกิตติ วงศ์รัตนาวุธ อุปนายกสมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย นายประยูร ภู่แส ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด นายสุทนต์ กล้าการขาย นายกสมาคมสื่อช่อสะอาด นายธนาธิป บุญญาคม สมาคมเครือข่ายหมออนามัยวิชาการ และภาคีเครือข่ายร่วมประชุมอีกกว่า 80 คน

 

0
0
0
s2smodern
เขียนโดย Super User

       27 ก.ย.62 สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) โดยผู้แทน สคอ.ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ร่วมงานสัปดาห์ประกันภัย ปี 2562 “ พลิกโฉมประกันสุขภาพ ด้วยเทคโนโลยีประกันภัย” จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ) งานครั้งนี้ได้จัดทำหมวกนิรภัยสีเหลืองเต็มใบ ( จำกัดสิทธิ์ 1 คน ต่อ 1 ใบเท่านั้น) จำหน่ายราคาพิเศษเพียง 100 บาท ในโครงการ “ รัฐ-ราษฎร์ รวมใจ ขับขี่ปลอดภัย เทิดไท้องค์ในหลวง” เป็นความร่วมมือระหว่างบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย(คปภ) และสมาคมประกันวินาศภัยไทย เพื่อให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในโครงการและเสริมสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนน ซึ่งเงินรายได้ทั้งหมดนำขึ้นทูลเกล้าฯ โดยเสด็จพระราชกุศล
     สำหรับผู้สนใจจะไปซื้อหมวกนิรภัยในโครงการฯ ขอให้ท่านเตรียมพร้อม คือ 1. ไปที่บูธบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด 2.สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อลงทะเบียนในมือถือ กรอกข้อมูลรายละเอียดให้ครบถ้วน เช่น เลขทะเบียนจักรยานยนต์ ชื่อ-สกุลของท่าน เลขที่บัตรประชาชน 13 หลัก เบอร์โทรศัพท์ และที่อยู่ติดต่อได้ จากนั้นชำระเงิน 100 บาทพร้อมรับคูปอง เพื่อนำไปรับหมวกได้ทันที ...
ทั้งนี้ขอเชิญชวนประชาชน เที่ยวชมนิทรรศการความรู้ และสัมมนาวิชาการด้านประกันภัย และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ด้านการประกันภัยและด้านการเงิน และร่วมซื้อหมวกนิรภัยในโครงการฯได้ที่บูธบริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ซึ่งงานจะจัดขึ้น 3 วันเท่านั้น ระหว่างวันที่ 27-29 กันยายน 2562 ณ ฮอล์ 5 อิมแพ็คเมืองทองธานี

  

  

  

 

0
0
0
s2smodern
เขียนโดย Super User

       ดูงานพื้นที่ต้นแบบ “มาตรการองค์กรความปลอดภัยทางถนน เมื่อวันที่ 16 ต.ค.62 สคอ.พาสื่อมวลชนและเครือข่าย ศึกษาดูงานพื้นที่ต้นแบบเรื่องมาตรการองค์กรสร้างความปลอดภัยทางถนน ณ บริษัท นิเด็ค โคปาล (ประเทศไทย)จำกัด ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี จ.ปทุมธานี โดยมี นายมาซายูกิ คิคุชิ ประธานบริษัทฯ ให้การต้อนรับพร้อมกล่าวว่า ปัจจุบันหน่วยงานแห่งนี้มีพนักงาน 2,000 กว่าคน เมื่อพนักงานมีคุณภาพจะสามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ สร้างความเชื่อมั่น และทำให้เป็นบริษัทที่มีคุณภาพได้ ดังคำขวัญที่ว่า "คุณภาพคู่ผลกำไร ความปลอดภัยต้องมาก่อน" นอกจากนี้ได้รณรงค์ความปลอดภัยทางถนน สวมหมวกนิรภัย100% เช่น จัดเตรียมหมวกนิรภัยไว้ให้ยืม แม้ไม่มีหมวกนิรภัยเป็นของตนเองก็สามารถยืมใช้ได้ การจัดกิจกรรมสวัสดีรถจักรยานยนต์ทุกวันอังคาร ให้ผู้บริหารและหัวหน้างานให้คำแนะนำเรื่องกฎจราจร จัดให้มีที่จอดรถที่ปลอดภัยและเป็นระเบียบ ตรวจสอบวันหมดอายุของ พ.ร.บ.และป้ายภาษี เพื่อให้ได้รับสิทธิประโยชน์สูงสุดเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ตลอดจนสนับสนุนการจัดกิจกรรมชุมชน สร้างการรับรู้ทั้งตัวพนักงานงาน ครอบครัวและชุมชนรอบข้าง โดยหลังเข้าร่วมโครงการฯ พบมีการเปลี่ยนแปลง เช่น พนักงานสวมหมวกนิรภัยและใส่สายรัดคาง 100% เมื่อขับขี่รถจักรยานยนต์ เข้ามาภายในบริษัทฯ ส่วนพนักงานที่ไม่มีหมวกนิรภัยและจำเป็นต้องซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์กลับบ้าน จะยืมหมวกนิรภัยที่จัดเตรียมไว้สำหรับยืมไปสวมใส่ก่อนและนำมาคืนภายหลัง
ทั้งนี้การศึกษาดูงานเป็นกิจกรรมหนึ่งของการประชุมจัดประชุมขับเคลื่อนประชาสัมพันธ์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ครั้งที่ 1 ภาคกลาง ระหว่างวันที่ 16-17 ตุลาคม 2562 เพื่อสร้างความร่วมมือด้านการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ร่วมวิเคราะห์ ค้นหาปัญหาและแนวทางนำเสนอร่วมผลักดันนโยบายสาธารณะ ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจากนโยบายสู่การปฏิบัติจริง จัดโดย สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ) สำนักงานกองทุนสนับสนับการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ สมาคมนักหนังสือพิมพ์ภูมิภาคแห่งประเทศไทย สมาคมสื่อช่อสะอาด สมาคมเคเบิลทีวีแห่งประเทศไทย บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด และสมาคมเครือข่ายหมออนามัยวิชาการ

0
0
0
s2smodern