Deprecated: Methods with the same name as their class will not be constructors in a future version of PHP; plgContentGoogleCalendar has a deprecated constructor in /var/www/vhosts/accident.or.th/domains/accident.or.th/public_html/plugins/content/googlecalendar/googlecalendar.php on line 24
เขียนโดย Super User

       วันนี้ (25 ก.ย. 62) ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กทม. - ในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการจราจรทางบกร่วมกันระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติกับกรมการขนส่งทางบก โดยมีพล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ นางจันทิรา บุรุษพัฒน์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เป็นผู้แทนลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือร่วมกัน มีภาคีเครือข่ายร่วมเป็นสักขีพยานได้แก่ ผู้แทนสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ ผู้แทนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ผู้แทนกรมการขนส่งทางบกฯ
พล.ต.ท.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า ด้วย พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ม.141/1 แก้ไขเพิ่มเติมโดย คำสั่ง หัวหน้า คสช.ที่ 14/2560 ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อ 16 มี.ค. 60 กำหนดให้นายทะเบียนกรมการขนส่งทางบกมีอำนาจรับชำระค่าปรับที่ค้างชำระตามใบสั่งแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แต่ในกรณีดังกล่าวยังไม่สามารถดำเนินการให้เป็นรูปธรรมได้ เนื่องจากระบบข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ของทั้งสองหน่วยงานยังไม่เชื่อมโยงกัน ต่อมา พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 ม.4/1 แก้ไขเพิ่มเติมโดย (ฉบับที่ 12) พ.ศ.2562 ซึ่งมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 ก.ย. 62 กำหนดให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมการขนส่งทางบก เชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์ร่วมกัน ซึ่งบัดนี้ทั้งสองหน่วยงานได้ทำการเชื่อมโยงข้อมูลกันเรียบร้อยแล้ว
     จากกรณีดังกล่าว ถึงแม้ว่ากฎหมายจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 20 ก.ย. 62 แต่เนื่องจากทั้งสองหน่วยงานจะต้องกำหนดหลักเกณฑ์ ขั้นตอนและวิธีการต่างๆ ร่วมกันให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับแต่วัน พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ (กฎหมายใช้บังคับวันที่ 20 ก.ย. 62 ภายใน 90 วันนับแต่วันที่กฎหมายมีผลบังคับใช้ คือ วันที่ 19 ธ.ค. 62) ดังนั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกรมการขนส่งทางบก จึงกำหนดให้วันที่ 19 ธ.ค. 62 เป็นวันแรกที่กรมการขนส่งทางบก จะรับชำระค่าปรับตามใบสั่งที่ค้างชำระแทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถสามารถชำระค่าปรับดังกล่าวพร้อมกับการชำระภาษีประจำปี ได้ที่สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศ หากยังไม่พร้อมชำระค่าปรับที่ค้างชำระตามใบสั่ง กรมการขนส่งทางบกจะออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีฉบับชั่วคราวให้ซึ่งจะใช้ได้เพียง 30 วัน และผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถสามารถไปชำระค่าปรับได้ที่สถานีตำรวจทุกแห่งทั่วประเทศ หรือช่องทางอื่น เช่น ไปรษณีย์ทุกแห่ง เคาน์เตอร์บริการของธนาคารกรุงไทย ตู้เอทีเอ็มธนาคารกรุงไทย แอปพลิเคชันกรุงไทย NEXT และหน่วยบริการรับชำระเงินที่มีสัญลักษณ์ PTM (เช่น กลุ่ม CenPay และตู้บุญเติม) ภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายทะเบียน แต่หากผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถเห็นว่าตนไม่ได้กระทำความผิดตามที่ระบุไว้ในใบสั่งให้ทำหนังสือโต้แย้งข้อกล่าวหานั้นภายใน 15 วันนับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากนายทะเบียนขนส่ง โดยให้ส่งหนังสือโต้แย้งข้อกล่าวหาดังกล่าวทางไปรษณีย์ตอบรับไปยังสถานีตำรวจตามที่ระบุไว้ในใบสั่ง ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังพัฒนาระบบให้ประชาชนผู้รับใบสั่งสามารถโต้แย้งข้อกล่าวหาทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้อีกช่องทางหนึ่ง ทั้งนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้จัดทำเว็บไซต์ใบสั่งจราจรออนไลน์สำหรับประชาชน คือ https://ptm.police.go.th/eTicket/#/ หรือเรียกชื่อย่อว่า e-Ticket เพื่อให้ประชาชนได้ศึกษาข้อมูล และตรวจสอบใบสั่งจราจร จำนวนค่าปรับและช่องทางการชำระค่าปรับ นอกจากนี้ยังได้พัฒนาระบบวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น Web service และ Application
      จากมาตรการดังกล่าวข้างต้นจึงมีความจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการสร้างการรับรู้และความเข้าใจให้แก่ประชาชน รวมถึงทั้งสองหน่วยงานต้องร่วมกันพิจารณากำหนดระเบียบ หลักเกณฑ์ และแนวทางปฏิบัติให้มีความชัดเจนและไม่เป็นการเพิ่มภาระแก่ประชาชนในการชำระค่าปรับและการชำระภาษีประจำปี ดังนั้น จึงขยายระยะเวลาในการประชาสัมพันธ์มาตรการดังกล่าว ออกไปจนถึงวันสุดท้ายที่กฎหมายกำหนดให้ออกอนุบัญญัติภายใน 90 วัน คือ วันที่ 19 ธ.ค. 62
นางจันทิรา บุรุษพัฒน์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า กรมการขนส่งทางบก ได้ให้ความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยพัฒนาระบบของกรมการขนส่งทางบกเพื่อรองรับการเชื่อมโยงข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์แบบออนไลน์ และได้ทำการทดสอบการเชื่อมโยงระบบบริหารจัดการใบสั่งจราจร (PTM) ในระบบปฏิบัติงานของกรมการขนส่งทางบก
     ซึ่งกรมการขนส่งทางบกยังคงอำนวยความสะดวกในการชำระภาษีรถประจำปีทุกกรณีเช่นเดิม กรณีผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถที่มิได้กระทำผิดและไม่มีใบสั่งตามกฎหมายจราจร หรือมีใบสั่งแต่ได้ชำระค่าปรับเรียบร้อยแล้ว ยังคงสามารถชำระภาษีรถประจำปีพร้อมรับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ป้ายวงกลม) ได้ที่สำนักงานขนส่งทุกแห่งทั่วประเทศและทุกช่องทางตามปกติเช่นเดิม โดยจะไม่ส่งผลกระทบกับประชาชนผู้ใช้รถทั่วไป สามารถดำเนินการชำระภาษีรถประจำปีได้ตามปกติ
ส่วนกรณีที่มีใบสั่งแต่ยังไม่ได้ชำระค่าปรับเมื่อถึงคราวชำระภาษีรถประจำปีมีความประสงค์จะชำระค่าปรับในคราวเดียวกัน สามารถชำระค่าปรับพร้อมชำระภาษีรถประจำปีได้ในคราวเดียวกันได้ โดยกรมการขนส่งทางบกจะดำเนินการบันทึกข้อมูลการชำระค่าปรับในระบบซึ่งเชื่อมโยงกับระบบบริหารจัดการใบสั่งจราจร ทำให้มีผลเช่นเดียวกันกับการชำระค่าปรับกับพนักงานสอบสวน ผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถจะได้รับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ป้ายวงกลม) ตามปกติ
  ทั้งนี้ หากผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถคันที่มีใบสั่งตามกฎหมายจราจร แต่ยังไม่พร้อมชำระค่าปรับในคราวเดียวกัน กรมการขนส่งทางบกก็ยังคงอำนวยความสะดวกให้สามารถชำระภาษีรถประจำปีได้ แต่จะได้รับหลักฐานแสดงการเสียภาษีประจำปีชั่วคราว ซึ่งมีอายุ 30 วันนับแต่วันที่นายทะเบียนออกให้เท่านั้น หากชำระค่าปรับเรียบร้อยแล้วสามารถนำหลักฐานใบเสร็จการชำระค่าปรับมาแสดง เพื่อรับเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปี (ป้ายวงกลม) ฉบับจริงได้ในภายหลัง อย่างไรก็ตาม กรณีที่ชำระภาษีประจำปีแล้ว แต่ไม่ชำระค่าปรับที่ค้างชำระให้ครบถ้วนภายในระยะเวลาตามที่กำหนด เป็นอำนาจของเจ้าพนักงานจราจรตำแหน่งตั้งแต่สารวัตรขึ้นไปมีหนังสือแจ้งนายทะเบียน กรมการขนส่งทางบก ให้งดออกเครื่องหมายแสดงการเสียภาษีประจำปีสำหรับรถคันนั้น และดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของพนักงานสอบสวนต่อไป

     

   

  

0
0
0
s2smodern