Deprecated: Methods with the same name as their class will not be constructors in a future version of PHP; plgContentGoogleCalendar has a deprecated constructor in /var/www/vhosts/accident.or.th/domains/accident.or.th/public_html/plugins/content/googlecalendar/googlecalendar.php on line 24
เขียนโดย Super User

        วันที่ 3 ธ.ค. 2562 ณ.หอประชุมวิทยาลัยเทคนิคประจวบคีรีขันธ์ ศูนย์ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ จัดกิจกรรมรวมพลเครือข่ายเยาวชน SDN VS รวมพล คน พันธุ์ R เครืออาชีวะอาสาลดปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ครั้งที่ 1 โชว์ แชร์ ประกวดนวัตกรรม สื่อสร้างสรรค์ เพื่อ ลด ป้องกัน อุบัติเหลดปัจจัยเสี่ยงต่อสุขภาพในโรงเรียนและนอกโรงเรียน ระดับมัธยม จำนวน 8 โรงเรียน 8 อำเภอ ระดับอาชีวะศึกษา จำนวน 6 วิทยาลัย โชว์ผลงาน นวัตกรรม สื่อ รณรงค์ สร้างสรรค์ Lifestyle เข้าร่วมประกวด โชว์ แชร์ ร่วมกัน นายกษิดิศ ขันธรัตน์ ผู้จัดการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) ร่วมเวทีเสวนาเรื่องมาตรการความปลอดภัย การใช้รถใช้ถนน ทั้งในโรงเรียน และ นอกโรงเรียน และ รถรับส่งนักเรียน ร่วมกับภาคีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของจังหวัด ได้แก่ นางสาวอุบลวรรณ คงสงสว่าง ผู้ช่วยผู้ประสานงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้าภาคตะวันตก นางสาวใบเฟิร์น คำพุฒจันทร์ สนง.ขนส่ง นางมณฑา ขนเม่น โรงพยาบาลประจวบคีรีคีรีขันธ์ (ศอ.ปส.จปข.) นายเกียรติก้อง นิ่มสาคร ผอ.คปภ. นายวินัย ขำทวี ปภจังหวัด นายบรรยงค์ วงศ์สกุล ประธาน อศจ. นายธนวัฒน์ เรืองเดช สนง.ปภ. 9.พ.ต.อ.วัชรินทร์ บุญรักษ์ ผู้กำกับตำรวจภูธร ปจ. ผู้ดำเนินรายการ นายวันชัย เหี้ยมหาญ ผู้ประสานงานจังหวัดยุทธศาสตร์ภาคตะวันตก นอกจากนี้มีการนำเสนอผลงานการประกวดนวัตกรรม สื่อสร้างสรรค์ เพื่อ ลด ป้องกัน ปัจัยเสี่ยงต่อสุขภาพ (เหล้า บุหรี่ อุบัติเหตุ) โดยใช้หลักเกณฑ์คะแนน 1.ความคิดสร้างสรรค์ 2.การนำไปใช้ประโยชน์ 3.ความสามารถในการสื่อสาร 4.ความสามารถนำไปประยุกต์ใช้ 5.อื่นคะแนนส่วนตัว ส่งผลงานเข้าประกวด ดังนี้ ระดับมัธยมศึกษา 8 ผลงาน 1.ชนะเลิศ ชื่อผลงาน Dream (ความฝัน)หนังสั้น โรงเรียนหนองพลับวิทยา อำเภอหัวหิน 2.รองชนะเลิศ ชื่อผลงาน สื่อเทคโนโลยีแอปฟิเคชั่น Pickers โรงเรียนบ้านหนองหอย อำเภอปราณบุรี ระดับอาขีวะศึกษา 7 ผลงาน 1.รางวัลชนะเลิศ ชื่อผลงาน กระจกนิรภัยระบบตัดGAS Co2(ระบบ scn sor Co2) วิทยาลัยเทคนิคประจวบ อำเภอเมือง 2.รางวัลรองชนะเลิศ ชื่อผลงาน โปรแกรมการบันทึกการสวมหมวกนิรภัยด้วยQR-Code วิทยาลัยเทคโนโลยีพณิชยการหัวหิน อำเภอหัวหิน ทั้งนี้ พิธิปิดและมอบประกาศรางวัล โดยปลัดจังหวัดประจวบ นายนรินทร์ ทรงพินิฐกุล

0
0
0
s2smodern
เขียนโดย Super User

          สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) โดยนายพรหมมินทร์ กัณธิยะ (ผอ.สคอ.) และนายกษิดิศ ขันธรัตน์ (ผจก.สคอ.) ร่วมประชุมรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฏหมาย โดยมีวัตถุประสงค์นำข้อมูลดังกล่าวมาประกอบในการพัฒนากฎหมายให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป ทั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นพ.ขจรศักดิ์ แก้วจรัส รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเปิดการประชุม รวมทั้งมีการอภิปรายเรื่อง “พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮฮล์ พ.ศ. 2551 จากอดีตจนถึงปัจจุบัน” โดยมีวิทยากรร่วมอภิปราย ดังนี้ คุณจันทิมา ธนาสว่างกุล รองอธิบดีอัยการ สำนักงานสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายแก่ประชาชน, ผู้ช่วยศาสตรจารย์บุญอยู่ ขอพรประเสริฐ ผู้เชี่ยวชาญด้านนิเทศศาสตร์, นพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยในครั้งนี้มีหน่วยงานทั้งภาครัฐ,ภาคเอกชน,ภาคประชาสัมคม,ผู้ประกอบการ,สื่อมวลชล และประชาชนทั่วไป ร่วมการประชุมและได้เสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับ พรบ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮฮล์ จัดโดยสำนักคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ณ ห้องประชุมเเซฟไฟร์ท 204 -205 อาคารอิมแพคฟอรั่มชั้น 2 เมืองทองธานี อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี

0
0
0
s2smodern
เขียนโดย Super User

           สสส.-สคอ.จับมือภาคี มอบของขวัญปีใหม่เตือนสติ “กลับบ้านปลอดภัย คือของขวัญที่ดีที่สุด” เผยปี 2562 ดื่มแล้วขับสูงถึง 30.35% ชี้ 3 ปีย้อนหลังเสียชีวิต 1,364 ราย บาดเจ็บ 12,025 คน เตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกการเดินทาง จับจริงขับเร็ว-ดื่ม ด้านผู้สูญเสียเตือนฉลองอย่างมีสติ ลดความสูญเสีย วันที่ 18 ธ.ค. 62 ที่อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ สสส. - สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) สำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงคมนาคม และภาคีเครือข่าย แถลงข่าว “กลับบ้านปลอดภัย คือของขวัญที่ดีที่สุด” ปีใหม่ 2563 เพื่อประสานความร่วมมือรณรงค์สร้างความตระหนัก ปลุกจิตสำนึกขับขี่ปลอดภัย เตรียมพร้อมก่อนเดินทาง ลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ กล่าวว่า จากข้อมูลศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนระบุว่า ในปี 2562 สถิติดื่มแล้วขับสูงถึง 30.35% โดย 3 ปีย้อนหลังมีผู้เสียชีวิต 1,364 ราย บาดเจ็บ 12,025 คน จึงอยากให้เพิ่มความตระหนักมากขึ้น ไม่อยากให้เกิดความสูญเสียซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถป้องกันได้ ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า จากการวิเคราะห์สถานการณ์การสูญเสียชีวิตในปีใหม่ 2562 ของศูนย์วิชาการเพื่อความปลอดภัยทางถนน (ศวปถ.) สนับสนุนโดย สสส. พบว่า แม้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา จะบังคับใช้กฎหมายเพิ่มขึ้น 34.3 % โดยจับกุมข้อหา ขับรถเร็วเพิ่ม 135%, เมาแล้วขับเพิ่ม 15.1% แต่จำนวนผู้เสียชีวิตยังอยู่ที่ 463 ราย ส่วนวันเริ่มต้นปีใหม่ คือ 1 ม.ค. 62 มียอดผู้เสียชีวิตสูงสุดถึง 91 คน สาเหตุเกิดจาก ขับเร็ว 38.2%, เมาแล้วขับ 29.6% โดยพบ 53% ของผู้เสียชีวิต มีแอลกอฮอล์เกินกฎหมายกำหนด และอีกสาเหตุสำคัญผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่ไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย 69.7% ในปีนี้ สสส. จึงร่วมกับภาคีเครือข่าย สนับสนุนกองร้อยน้ำหวาน 12 จังหวัด ในพื้นที่ตำรวจภูธรภาค 4 ดำเนินการป้องกันอุบัติเหตุในชุมชน-หมู่บ้าน โดยการตั้งด่านชุมชน ตรวจเตือนประชาชน สนับสนุนเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับกว่า 100 เครือข่าย ใน 70 จังหวัด รณรงค์ลดอุบัติเหตุร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับสื่อสารประเด็น “กลับบ้านปลอดภัย คือของขวัญที่ดีที่สุด” ผ่านช่องทางต่างๆ เพื่อให้ข้อคิดเตือนใจกับผู้ที่กำลังจะเดินทางทุกคน ให้พาตัวเองกลับบ้านไปหาคนที่รักอย่างปลอดภัย พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีนโยบายเตรียมพร้อมในช่วงเทศกาลปีใหม่ ด้วยการอำนวยความสะดวกจราจร ออกข้อบังคับรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไปห้ามวิ่งในบางสาย มาตรการ Reversible Lane เพื่อเร่งระบายรถ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลเส้นทางเลี่ยง จัดการจราจรติดขัดบริเวณทางแยก และหน้าสถานีบริการน้ำมันหรือจุดแวะพักรถที่มีผู้เข้าใช้บริการเป็นจำนวนมาก เพื่อไม่ให้มีผลกระทบต่อการจราจรบนเส้นทางหลัก และมีการนำจิตอาสามาร่วมปฏิบัติในการอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ส่วนมาตรการลดอุบัติเหตุ มีการบังคับใช้กฎหมายเข้มงวดเน้น 10 ข้อหาหลัก เน้นหนักจับกุมข้อหาเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุทางถนนสูงสุด ทั้งขับเร็วเกินกำหนด ขับขี่รถในขณะเมาสุรา ไม่สวมหมวกนิรภัย และเพิ่มชุดเคลื่อนที่เร็วกวดขันวินัยการจราจรจุดเสี่ยง เข้มงวดพื้นที่จัดเลี้ยงรื่นเริง บังคับใช้กฎหมาย พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ทุกรายที่สงสัยหรือเกิดอุบัติเหตุ นางสาวสุกัญญา หมีบังเกิด ผู้อำนวยการศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ในปีนี้กระทรวงคมนาคมได้วางมาตรการประชาสัมพันธ์รณรงค์เน้น ใส่ใจตนเอง รักษากฎจราจร คาดเข็มขัดนิรภัย และใส่หมวกกันน็อก ใส่ใจเพื่อนร่วมทาง ส่วนของขวัญปีใหม่ 2563 ที่กระทรวงคมนาคมมอบให้ คือการยกเว้นค่าธรรมเนียมผ่านทางบนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 ทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ทางพิเศษบูรพาวิถี (ทางพิเศษบางนา-ชลบุรี) และ ทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) “ตรวจรถฟรี ขับขี่ปลอดภัย” บริการตรวจเช็คสภาพความพร้อมโดยไม่คิดค่าบริการ และในบริเวณที่มีงานก่อสร้างให้คืนพื้นผิวจราจรและหยุดงาน ติดตั้งเครื่องหมาย สัญญาณไฟ ป้ายเตือน จุดที่เกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้งและรุนแรง เพื่อให้ระมัดระวังมากขึ้น พร้อมบังคับใช้กฎหมายตรวจจับความเร็วของรถโดยสารสาธารณะในเส้นทางสายหลักเข้า-ออกกรุงเทพสู่ภูมิภาค รวมทั้งการเฝ้าระวังจากระบบ GPS กรณีพบการกระทำผิดให้แจ้งเตือนผู้ประกอบการขนส่งเพื่อลงโทษ นายณรงค์ วัจรินทร์ อายุ 51 ปี พนักงานบริษัท ไทยซูซูกิมอเตอร์จำกัด จ.ปทุมธานี ตัวแทนผู้ใช้แรงงาน กล่าวว่า 20 กว่าปีแล้วที่ทำงานอยู่ต่างจังหวัดและมีครอบครัว แต่ช่วงเทศกาลจะเดินทางพร้อมครอบครัวกลับไปหาแม่ที่หนองคายเสมอ โดยขับรถและใช้บริการรถสาธารณะสลับกันไป จะเตรียมพร้อมทุกอย่างก่อนเดินทาง ไม่ดื่ม นอนเร็ว และไม่ลืมที่จะซื้อของขวัญไปฝากแม่ตลอด เมื่อถึงบ้านเห็นหน้าแม่ก็ดีใจ แม่มักอวยพรและพูดเสมอว่าไม่ต้องเอาอะไรมาฝากสิ้นเปลือง แค่กลับมาบ้านอย่างปลอดภัยก็ดีใจมากแล้ว จึงทำให้ตนเองคิดเสมอว่าของขวัญที่แม่อยากได้ คือ เห็นลูกหลานกลับมาครบ อยากฝากถึงทุกคนเวลาขับรถกลับบ้านไม่ควรดื่มหรือประมาท ปีใหม่นี้สิ่งที่สำคัญคือ ครอบครัวพร้อมหน้า ทุกคนได้กลับบ้านปลอดภัยเพราะนั่นคือของขวัญที่ดีที่สุด ด้าน นายธีรภัทร กุลพิศาล อายุ 36 ปี ผู้สูญเสียจากการดื่มแล้วขับช่วงปีใหม่ เล่าว่า ย้อนไปเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2544 ตนกับเพื่อนรุ่นพี่เดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด แวะเที่ยว แวะดื่มตลอดทางจนกลับถึง กทม. และรุ่นพี่ก็ชวนไปเที่ยวต่อที่ จ.ชลบุรี ตลอดทางก็ซื้อสุรามาดื่มในรถ ในวันที่เดินทางกลับ เมื่อใกล้ถึงกรุงเทพฯ คนขับหลับในชนเสาไฟฟ้าเกาะกลาง เพราะดื่มสะสมมาหลายวันและพักผ่อนน้อย ทำให้เพื่อนที่นั่งกระบะท้ายคอหักเสียชีวิตทันที แต่คนขับบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนตนเองรู้สึกตัวอีกทีที่โรงพยาบาล พบว่าหลังหักกลายเป็นคนพิการอัมพาตครึ่งท่อน จากเหตุการณ์วันนั้นทำให้ชีวิตเปลี่ยนทั้งการเรียนการใช้ชีวิตประจำวัน แต่สิ่งที่สร้างกำลังใจคือครอบครัว ทำให้สู้และกลับไปเรียนจนจบ ปวส. แต่เดิมที่เคยเป็นนักกีฬาฟุตบอล พอสูญเสียการเดินทำให้ลำบากมากขึ้น แต่ก็ยังอยากออกกำลังกาย จึงหันไปฝึกกีฬาฟันดาบ จนกระทั่งได้เป็นนักกีฬาทีมชาติ

 

0
0
0
s2smodern
เขียนโดย Super User

             นายกรัฐมนตรีเปิดตัวโครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน วันที่ 16 ธ.ค.62 - พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบนโยบายการสร้างความปลอดภัยทางถนน เน้นย้ำให้กลไกในระดับพื้นที่เป็นพลังสำคัญ ร่วมคิด ร่วมวางแผน ลดปัจจัยเสี่ยงอุบัติเหตุทางถนน ขับเคลื่อนเป้าหมายลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนให้น้อยกว่า 21 คนต่อประชากรแสนคน ภายในปี พ.ศ.2563 เพื่อสร้างการสัญจรปลอดภัยอย่างยั่งยืนในทุกเส้นทาง ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญในการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ที่นำมาซึ่งความสูญชีวิตและทรัพย์สิน และเป็นโศกนาฏกรรมของสังคมไปถึงระดับชาติ ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นเราจึงต้องช่วยแก้ปัญหา ที่ผ่านมารัฐบาลได้มีมาตรการเข้มงวด แต่สิ่งสำคัญอย่างเดียวคือคนคือทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสาร “อยากให้ทำปฏิญญาไทยแลนด์ คือ ทุกคนต้องรักตัวเอง รักครอบครัว และรักคนอื่น ต้องรักสามอย่างนี้เท่ากันปัญหาก็จะไม่เกิด พร้อมสร้างชาติของเราให้เข้มแข็งในอนาคต ซึ่งตนมองว่าบางคนน่าจะทำประโยชน์ให้ประเทศได้อีกมากในอนาคต จึงไม่ควรมาบาดเจ็บสูญเสียไปก่อน เพราะอุบัติเหตุบนท้องถนน" พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนเปิดเผยว่า อุบัติเหตุทางถนนคร่าชีวิตคนไทยเป็นจำนวนมาก ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ และส่งผลกระทบต่อการพัฒนาประเทศ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำหนดให้การสร้างความปลอดภัยทางถนนเป็นวาระแห่งชาติ และมอบหมายให้ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายขับเคลื่อนการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนของประเทศไทยตามปฏิญญามอสโก โดยกำหนดให้ปี พ.ศ. 2554 – 2563 เป็นทศวรรษแห่งความปลอดภัยทางถนน พร้อมกำหนดกรอบการดำเนินงานภายใต้ 5 เสาหลัก ดังนี้ 1) การบริหารจัดการความปลอดภัยทางถนน 2) ถนนและการสัญจรอย่างปลอดภัย 3) ยานพาหนะปลอดภัย 4) ผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างปลอดภัย5) การตอบสนองหลังเกิดอุบัติเหตุ รวมถึงยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ด้านความมั่นคง นโยบายรัฐบาลด้านการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน และแผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน พ.ศ.2561 – 2564 โดยให้ความสำคัญกับการสร้างความปลอดภัยทางถนนในมิติเชิงพื้นที่ ดังนั้น ศปถ. จึงได้จัดทำโครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในระดับพื้นที่ เพื่อเชื่อมโยงนโยบายและกรอบแนวทางการสร้างความปลอดภัยทางถนนไปสู่การปฏิบัติในพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า จากสถิติอุบัติเหตุทางถนน พบว่า กลุ่มผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดอุบัติเหตุในเส้นทางตำบลและหมู่บ้าน จึงจำเป็นต้องใช้กลไกในระดับพื้นที่สนับสนุนการแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุทางถนนให้ตรงจุด ภายใต้โครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนในระดับพื้นที่ ส่งเสริมการมีส่วนร่วมของคนในพื้นที่ร่วมคิด ร่วมวางแผน และร่วมลงมือในการป้องกันและลดอุบัติทางถนนอย่างเข้มข้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการความปลอดภัยทางถนนในระดับพื้นที่ โครงการเสริมสร้างประสิทธิภาพ การป้องกันอุบัติเหตุทางถนนในระดับพื้นที่ ได้ดำเนินการครอบคลุมทั้ง 76 จังหวัด 878 อำเภอ รวมทั้งกรุงเทพมหานคร โดยอาศัยกลไกในระดับพื้นที่เป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนเป้าหมายในการลดจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนให้น้อยกว่า 21 คนต่อประชากรแสนคน ภายในปี พ.ศ.2563 รวมถึงยังเป็นการชี้เป้าเชิงพื้นที่สู่การต่อยอดข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย เพื่อยกระดับการสร้างประเทศไทยให้มีการสัญจรปลอดภัยอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน

0
0
0
s2smodern
เขียนโดย Super User

     19 ธ.ค.62 สำ​นักงาน​เครือข่าย​ลด​อุบัติเหตุ​(สคอ.)​เข้าร่วมรับฟังเวทีสาธารณะ​ "เมาแล้วขับ รวยก็ไม่รอด (คุก)​ อุบัติเหตุบนท้องถนนในประเทศไทยเป็นปัญหาใหญ่ของประเทศที่เป็นบ่อนทำลายทางด้านสังคมเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตและความมั่นคงของประเทศมาอย่างยาวนานแต่ปัญหานี้ไม่ได้ถูกจัดลำดับความสำคัญให้เป็นวาระสำคัญของประเทศชาติทั้งๆที่สถิติผู้เสียชีวิตในแต่ละปีสูงกว่า 20,000 คนและนักรบผู้บาดเจ็บอีก 1 ล้านคนและผู้พิการอีก 60,000 คนต่อปี การรวบรวมข้อมูลของเครือข่ายเหยื่อเมาแล้วขับ พบว่ารูปแบบการเอารัดเอาเปรียบเมาแล้วขับมีสารพัดวิธี เช่น 1 ผู้ก่อเหตุหลบเลี่ยงการตรวจแอลกอฮอล์ 2.ประวิงเวลาในระหว่างที่ยื่นรักษาตัวเพื่อให้คดีขาดอายุความ 3.เสนอค่าเยียวยาให้จำนวนหนึ่งโดยแจ้งกับเหยื่อว่าถ้าอยากได้มากกว่าที่เสนอให้ ก็ให้ไปฟ้องร้องต่อศาลเอาเอง 4.ให้เซ็นเอกสารโดยไม่มีข้อความใดๆ 5.วิ่งเต้นให้ตกเป็นผู้ต้องหาในฐานะประมาทร่วม เพื่อปฏิเสธความรับผิดชอบ 6.ยอมทำข้อตกลงในการเยียวยาเหยื่อด้วยการขอผ่อนชำระให้เป็นรายเดือน ถึงเวลาจริงกลับเบี้ยวไม่ผ่อนชำระให้ ณ ห้องฟอร์จูน​3-4 โรงแรม​แกรนด์​เมอร์​เคียว​ฟอร์จูน​ ถนนรัชดาภิเษก​ กรุงเทพ​ฯ โดยมีนายสุรชัย เลี้ยงบุญ​เลิศชัย สมาชิก​วุฒิ​สภา​ประธาน​เครือข่าย​นิติบัญญัติ​เพื่อ​ถนนปลอด​ภัยในภูมิภาค​อาเซียน เป็น​ประธาน​ใน​พิธี​

0
0
0
s2smodern